เที่ยวริมโขงเมืองหนองคาย ตามรอยพญานาค

            ริมฝั่งโขงเมืองหนองคายเป็นบริเวณที่มีมนต์ขลังของวัฒนธรรมความศรัทธาในองค์พญานาคที่มีมาช้านาน เริ่มตั้งแต่อำเภอสังคม ที่มีวัดถ้ำดินเพียงซึ่งเป็นวัดที่มีความเชื่อเกี่ยวข้องกับพญานาคอย่างยิ่ง แค่บรรยากาศบริเวณวัดก็สงบวิเวกอย่างประหลาดแล้ว ถ้าได้ลงไปในถ้ำดินเพียงที่มีความเชื่อกันว่าเป็นทางเข้าแห่งหนึ่งสู่เมืองบาดาล ความขลังก็ยิ่งทวีคูณขึ้น ออกมาจากอำเภอสังคมมุ่งหน้าสู่ตัวอำเภอเมืองหนองคาย เส้นทางนี้เลียบริมน้ำโขงไปตลอดทางซึ่งเป็นการเดินทางที่ให้ความสงบใจอย่างบอกไม่ถูก ตลอดเส้นทางนี้หากจอดรถเดินเล่นแล้วจะสัมผัสถึงบรรยากาศไอน้ำที่ปกคลุมอยู่ทั่ว สมกับที่เป็นเมืองน่าอยู่อันดับ 7 ของโลก โดยสถานที่ที่พลาดไม่ได้กับการตามรอยพญานาคในเมืองหนองคาย ก็คือ วัดโพธิ์ชัย ที่มีองค์หลวงพ่อพระใสเป็นพระประธานในพระอุโบสถ เพราะมีความเชื่อกันว่าองค์พญานาคนี้แหละที่เป็นผู้ปกปักรักษาหลวงพ่อพระใสอยู่ และเป็นพระพุทธรูปประจำจังหวัดหนองคาย นอกจากนี้นักท่องเที่ยวต้องไปเยี่ยมเยือนวัดพระธาตุบังพวน ที่ซึ่งมีบันทึกไว้ว่าพระเจดีย์สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระหัวเหน่าของพระพุทธเจ้า และสถานที่สำคัญในวัดคือ  “สระมุจลินท์” ซึ่งเป็นสระที่มีตำนานเมื่อราว 500 ปีก่อนว่ามีน้ำพุ่งออกจากภูพญานาค พระสงฆ์ที่จำวัดอยู่จึงชวนญาติโยมขุดสระน้ำไว้รองรับน้ำที่เอ่อล้นออกมา ซึ่งสระมุจลินท์นี้เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ โดยน้ำในสระมุจลินท์นี้เองเคยถูกนำเข้าพิธีสรงมูรธราชาภิเษก พิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา และพิธีสำคัญของราชสำนักจวบจนทุกวันนี้ 

นอกจากตำนานของหลวงพ่อพระใสที่ท่านแสดงปาฏิหาริย์เกวียนหักหน้าวัดโพธิ์ชัยแล้ว ตำนานของหลวงพ่อพระสุกก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน คือ พระใส พระสุก พระเสริม สร้างมาพร้อมกันแล้วฝั่งไทยได้อัญเชิญข้ามแม่น้ำโขงมา กลับพบพายุฝนพัดให้แท่นอัญเชิญพระสุกพังลง และองค์พระสุกก็จมลงในน้ำตั้งแต่นั้น สถานที่นั้นในอำเภอโพนพิสัยจึงมีชื่อเรียกว่า “เวินพระสุก” (ทั้งนี้มีข้อมูลว่าพระสุกถูกงมขึ้นไปได้ 100 กว่าปีแล้ว และอยู่ที่ยโสธรจนปัจจุบันนี้ มีหลายท่านแย้งว่าเนื้อพระไม่ใช่เนื้อเดียวกับพระเสริมและพระใส ขนาดองค์พระก็ผิดกับประวัติการสร้าง) ซึ่งวัดหลวงเป็นที่ประดิษฐานของพระสุกองค์จำลอง โดยนักท่องเที่ยวสามารถไปกราบไหว้แทนองค์จริงได้ ซึ่งในอุโบสถวัดหลวงนี้จะมีน้ำหยดจากเพดานตลอดเวลา ซึ่งเป็นน้ำที่ไม่มีใครทราบว่าไหลออกมาจากที่ใด 

และสถานที่พลาดไม่ได้เลยคือวัดหินหมากเป้ง ที่ซึ่งสมัยก่อนเป็นดงสัตว์ร้าย ภูติผีปีศาจ จึงทำให้สถานที่แห่งนี้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ กระทั่งเจริญขึ้นมาด้วยบารมีของหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ซึ่งองค์ท่านเคยเล่าให้เหล่าศิษย์ฟังว่า ภายใต้หินหมากเป้งนี้จะเป็นเมืองของพญานาค เป็นโพรงขนาดใหญ่ที่ทะลุถึงวัดพระพุทธบาทดอนแก้ว และทะลุทั่วถึงกันภายในเมืองบาดาล ซึ่งในวันออกพรรษาก็มีบั้งไฟพญานาคขึ้นที่น้ำโขงหลังวัดหินหมากเป้งนี้ด้วยเช่นกัน จึงทำให้เชื่อได้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นที่เกี่ยวพันกับพญานาคอย่างแน่นอน ซึ่งในสมัยก่อนบริเวณวัดหินหมากเป้งถือเป็นดงอาถรรพ์ ไม่มีผู้ใดกล้าย่างกรายเข้าไปได้ แต่ปัจจุบันก็ยังคงไว้ซึ่งความสงบวิเวก แต่เป็นในลักษณะของบรรยากาศร่มรื่น เหมาะแก่การทำสมาธิวิปัสสนา เหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างของหนองคายเมืองอารยธรรมพญานาค ที่ทุกท่านควรไปสัมผัส